การปูกระเบื้องยางเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมในการตกแต่งพื้นบ้าน เนื่องจากกระเบื้องยางมีข้อดีหลายประการ เช่น ทนทาน ดูแลรักษาง่าย มีความยืดหยุ่น และมีให้เลือกหลากหลายลวดลาย แม้ว่าหลายคนอาจคิดว่าการปูกระเบื้องยางเป็นเรื่องยุ่งยาก แต่จริงๆ แล้ว เราสามารถปูกระเบื้องยางด้วยตัวเองได้ไม่ยาก เพียงแค่มีอุปกรณ์ที่จำเป็น และทำตามขั้นตอนอย่างละเอียดรอบคอบ
วันนี้เราจะมาแนะนำ 10 ขั้นตอนการปูกระเบื้องยางแบบมืออาชีพ โดยช่างผู้เชี่ยวชาญของ Strongfloor ที่จะช่วยให้คุณได้พื้นกระเบื้องสวยเรียบร้อยเหมือนจ้างช่างมาทำเลยทีเดียว โดยแต่ละขั้นตอนมีรายละเอียดดังนี้
แผ่นกระเบื้องยางคืออะไร?
กระเบื้องยาง (Rubber Tile) คือวัสดุปูพื้นชนิดหนึ่ง ที่ผลิตจากยางธรรมชาติหรือยางสังเคราะห์นำมาอัดเป็นแผ่นรูปทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส มีเอกลักษณ์โดดเด่นคือมีพื้นผิวที่ยืดหยุ่นสูง น้ำหนักเบา ปูง่าย ทนทาน รองรับแรงกระแทกได้เป็นอย่างดี และดูแลรักษาสะดวก จึงเป็นที่นิยมนำมาใช้ตกแต่งพื้นทั้งภายในและภายนอกอาคาร
แผ่นกระเบื้องมีให้เลือกทั้งแบบพื้นเรียบและแบบพื้นสัมผัส (textured surface) ขนาดมาตรฐานจะอยู่ที่ประมาณ 30×30 ซม. หนา 2-4 มม. วางจำหน่ายในลวดลายและสีสันที่หลากหลาย ครอบคลุมตั้งแต่ลายไม้ ลายหิน ไปจนถึงสีพื้นสีเดียว ซึ่งสามารถเลือกให้เข้ากับสไตล์การตกแต่งได้หลายรูปแบบ ส่วนกระเบื้องยางปูพื้นของ Strongfloor ขนาด 50×50 ซม. หนาถึง 20 มม. หรือ 2 ซม. เหมาะสำหรับการปูพื้นห้องออกกำลังกาย สตูดิโอ หรือ ห้องนอน ห้องนั่งเล่น ให้มีความสวยงามและแข็งแรงทนทานต่อแรกกระแทก
[รูปสินค้า]กระเบื้องยางผลิตจากวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สามารถนำกลับมารีไซเคิลได้ และไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ เพราะมีการใช้สารเคมีในการผลิตที่น้อยกว่ากระเบื้องประเภทอื่นๆ ส่วนใหญ่จะได้รับการรับรองมาตรฐานด้านการปล่อยสารระเหยต่ำ (low VOCs emission)
การติดตั้งกระเบื้องยางทำได้ง่ายกว่ากระเบื้องแข็ง เพราะสามารถตัดแต่งขนาดและปูได้โดยไม่ต้องใช้เครื่องมือพิเศษ
ข้อควรรู้ก่อนปูกระเบื้องยาง พื้นไม่เรียบปูได้ไหม?
ก่อนตัดสินใจปูกระเบื้องยางด้วยตัวเอง มีข้อควรรู้และข้อควรพิจารณาบางประการ เพื่อให้การติดตั้งเป็นไปอย่างราบรื่น และให้ผลลัพธ์ที่สวยงามคงทนในระยะยาว ดังนี้
ก่อนอื่นต้องเช็คให้แน่ใจว่าพื้นผิวเดิมที่จะปูทับมีความเรียบและแข็งแรง หากพื้นไม่เรียบ มีความแตกต่างระดับมากกว่า 3 มม. อาจส่งผลให้ปูกระเบื้องแล้วเกิดปัญหายุบ โป่งได้ ดังนั้นหากพบว่าพื้นเดิมไม่ได้ระดับ ควรทำการปรับแต่งด้วยการอุดโป๊ว ปาดปูน หรือขัดพื้นให้เรียบเสียก่อน นอกจากสภาพของพื้น ยังควรคำนึงถึงสภาพแวดล้อมโดยรอบด้วย เช่น ปริมาณแสงแดด แหล่งความร้อน หรือความชื้น ซึ่งอาจส่งผลต่อสีสันและอายุการใช้งานของพื้นกระเบื้องในระยะยาว ให้เลือกใช้กระเบื้องยางชนิดที่เหมาะกับสภาพแวดล้อมนั้นๆ
สุดท้าย อย่าลืมคำนวณขนาดและจำนวนกระเบื้องที่ต้องใช้ให้รอบคอบก่อนซื้อ โดยเผื่อเนื้อกระเบื้องที่ต้องสูญเสียจากการตัดแต่งขอบและมุมไว้ประมาณ 5-10% เพื่อไม่ให้เกิดปัญหากระเบื้องไม่พอใช้กลางคัน ทั้งนี้ควรสั่งกระเบื้องยางแผ่นจากล็อตการผลิตเดียวกัน เพื่อให้ได้เฉดสีและลวดลายที่เหมือนกันทั้งหมด เมื่อทำความเข้าใจข้อควรรู้เหล่านี้แล้ว คุณก็พร้อมที่จะลงมือปูกระเบื้องยางด้วยตัวเองอย่างมั่นใจ ได้ผลลัพธ์ที่สวยงามและคุ้มค่าอย่างแน่นอน
ทำไมควรเลือกปูกระเบื้องยาง
กระเบื้องยางเป็นวัสดุปูพื้นที่ได้รับความนิยมอย่างสูง ด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่นหลายประการ ไม่ว่าจะเป็น
ความสวยงามและหลากหลาย
กระเบื้องยางมีให้เลือกมากมายหลายรูปแบบ ทั้งลายไม้ ลายหิน ลายหินอ่อน ไปจนถึงลายแฟนซีต่างๆ ซึ่งสามารถตอบโจทย์การตกแต่งได้ทุกสไตล์ ไม่ว่าจะเป็นบ้านสไตล์โมเดิร์น บ้านสไตล์ธรรมชาติ หรือบ้านทรงคลาสสิค ก็สามารถเลือกลายกระเบื้องให้เข้ากันได้อย่างลงตัว
ความคงทนและอายุการใช้งานที่ยาวนาน
อีกหนึ่งข้อดีของกระเบื้องยางคือความทนทานต่อแรงกระแทกและการขูดขีด เนื่องจากผลิตจากวัสดุที่ยืดหยุ่นอย่างยางธรรมชาติหรือยางสังเคราะห์ จึงมีความยืดหยุ่นและซับแรงกระแทกได้ดีกว่ากระเบื้องทั่วไป ทำให้อายุการใช้งานยืนยาวกว่า 10-30 ปี หากได้รับการดูแลรักษาอย่างถูกวิธี
ปลอดภัยต่อสุขภาพ
กระเบื้องยางเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและปลอดภัยต่อสุขภาพ เพราะผลิตจากวัสดุธรรมชาติที่ย่อยสลายได้และไม่เป็นอันตราย ไม่มีสารพิษระเหยออกมาเหมือนพื้นลามิเนตหรือพีวีซี จึงไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้หรือระคายเคืองต่อผิวหนังและระบบทางเดินหายใจ
ปูได้ง่ายและดูแลรักษาสะดวก
การปูกระเบื้องยางนั้นทำได้ไม่ยาก เพราะแผ่นกระเบื้องค่อยข้างมีน้ำหนัก ทำให้ไม่จำเป็นต้องใช้กาว กระเบื้องยางจากการใช้งาน ไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องมือพิเศษ อีกทั้งการดูแลรักษาก็สะดวก เพราะพื้นผิวกระเบื้องค่อนข้างเรียบเนียน สามารถกวาดหรือถูพื้นทำความสะอาดได้ง่าย โดยไม่ต้องขัด
ราคาคุ้มค่า
แม้ราคาของกระเบื้องยางจะสูงกว่ากระเบื้องธรรมดาทั่วไปอยู่บ้าง แต่เมื่อเทียบกับคุณสมบัติและอายุการใช้งานแล้วถือว่าคุ้มค่ามากครับ เพราะมีความคงทน ทนทาน และดูแลรักษาง่าย หากซื้อกระเบื้องยางคุณภาพดี 1 ครั้ง ก็สามารถใช้งานได้อย่างยาวนาน ไม่ต้องเสียเงินซ่อมแซมหรือเปลี่ยนบ่อยๆ
ด้วยข้อดีที่หลากหลายนี้ จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมกระเบื้องยางจึงเป็นที่นิยมในการตกแต่งบ้านในปัจจุบัน เพราะนอกจากจะสวยงามคงทนแล้ว ยังช่วยสร้างพื้นที่น่าอยู่ที่ปลอดภัยและอบอุ่นได้อย่างลงตัวครับ
ข้อดีของการปูกระเบื้องยางด้วยตัวเอง
การปูกระเบื้องยางด้วยตัวเองมีข้อดีหลายประการ ทั้งในแง่ของการประหยัดค่าใช้จ่าย ความภาคภูมิใจที่ได้ลงมือทำเอง รวมถึงการมีอิสระในการออกแบบและตกแต่งตามความต้องการส่วนตัว เมื่อคุณปูกระเบื้องยางเอง นั่นหมายความว่าคุณไม่จำเป็นต้องจ้างช่างมืออาชีพมาทำ จึงสามารถประหยัดค่าแรงไปได้ไม่น้อย โดยเฉพาะหากพื้นที่ปูมีขนาดใหญ่ ยิ่งทำให้คุ้มค่ามากขึ้นไปอีก
นอกจากนี้ การลงมือทำเองทุกขั้นตอน ตั้งแต่การเลือกลาย สี วางผัง ไปจนถึงการติดตั้ง จะทำให้คุณรู้สึกภาคภูมิใจในผลงานของตัวเองมากกว่าการจ้างคนอื่นมาทำแทน อีกทั้งยังสามารถเลือกแบบและลวดลายได้อย่างอิสระตามสไตล์ที่ชอบ โดยไม่จำเป็นต้องจำกัดตัวเลือกเหมือนเวลาจ้างช่าง แม้อาจใช้เวลาและความพยายามมากกว่าสักหน่อย แต่ความภาคภูมิใจและความสุขที่ได้จากการปูกระเบื้องยางด้วยมือตัวเอง ก็ถือเป็นรางวัลที่คุ้มค่าสำหรับผู้ที่ชอบงาน DIY ครับ
คำแนะนำเพิ่มเติมสำหรับผู้เริ่มต้น
สำหรับใครที่กำลังจะปูกระเบื้องยางด้วยตัวเองเป็นครั้งแรก ผมมีคำแนะนำเพิ่มเติมดังนี้ครับ
- ให้ศึกษาขั้นตอนและวิธีการปูกระเบื้องยางจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ให้ละเอียดก่อน ทั้งจากคู่มือ อินเทอร์เน็ต หรือถามผู้ที่เคยมีประสบการณ์มาก่อน จะช่วยให้เข้าใจภาพรวมของกระบวนการและเทคนิคสำคัญๆ
- จัดเตรียมเครื่องมือช่างพื้นฐานให้พร้อม เช่น ตลับเมตร ดินสอ คัตเตอร์ กรรไกร ไม้บรรทัด ค้อน และกาวยาง รวมถึงอุปกรณ์ความปลอดภัย เช่น ถุงมือ หน้ากาก แว่นตา เพื่อป้องกันอันตรายระหว่างทำงาน
- วัดพื้นที่ที่จะปูกระเบื้องให้ถูกต้องแม่นยำ เขียนแบบวางผังลงบนกระดาษให้ชัดเจน เพื่อเป็นไกด์ไลน์ในการทำงาน จะได้ไม่เกิดความสับสนหรือหลงทิศระหว่างปู
- เลือกใช้กระเบื้องยางจากแบรนด์ที่เชื่อถือได้ มีมาตรฐานการผลิตที่ดี และมีบริการหลังการขาย เพื่อให้มั่นใจได้ในคุณภาพและอายุการใช้งานที่ยาวนาน
- ตรวจสอบสภาพพื้นผิวให้แน่ใจว่าแห้ง สะอาด เรียบเสมอกันดีแล้ว ก่อนจะเริ่มปูกระเบื้องยางทับลงไป ถ้ามีความชื้นหรือฝุ่นผงตกค้างอยู่ ต้องจัดการให้เรียบร้อยเสียก่อน
- เริ่มปูกระเบื้องยางจากมุมใดมุมหนึ่งของห้อง แล้วค่อยๆ วางเรียงต่อกันไป โดยใช้การวางแนวและใช้ไม้บรรทัดฉากช่วย เพื่อให้แน่ใจว่าแผ่นกระเบื้องจะตรงและได้ระดับ
- ใช้มีดคัตเตอร์คมๆ ในการตัดแผ่นกระเบื้องให้ได้ขนาดเหมาะสมกับขอบและมุมห้อง การวัดขนาดที่แม่นยำและการตัดที่ตรงจะช่วยไม่ให้เกิดช่องว่างมากเกินไประหว่างแผ่น
สุดท้ายนี้ อย่าลืมใจเย็นๆ และค่อยๆ ทำไปทีละขั้นตอน หากมีปัญหาหรือข้อสงสัยระหว่างปู ให้ลองหยุดแล้วทบทวนดูอีกครั้ง หรือค้นคว้าเพิ่มเติม ไม่ต้องเร่งรีบจนเกินไป ผลลัพธ์ที่ออกมาดีนั้นต้องอาศัยทั้งความใจเย็นและความใส่ใจในรายละเอียดครับ
ขั้นตอนที่ 1: เตรียมอุปกรณ์ที่จำเป็น
ก่อนจะเริ่มปูกระเบื้องยาง สิ่งแรกที่ต้องทำคือการเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม นี่คืออุปกรณ์สำคัญที่คุณต้องมี
กระเบื้องยาง จาก Strongfloor มีคุณสมบัติพิเศษที่ทำให้การติดตั้งสะดวกและไม่ยุ่งยาก ตัวสินค้ามีน้ำหนักมากเพียงพอที่จะยึดติดกับพื้นผิวได้โดยไม่ต้องใช้กาว จึงช่วยลดความซับซ้อนในกระบวนการติดตั้ง และยังสามารถเคลื่อนย้ายหรือติดตั้งใหม่ได้ง่ายตามต้องการ
อุปกรณ์ที่จำเป็น
เนื่องจากกระเบื้องยาง ของ Strongfloor ไม่ต้องใช้กาว อุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับการติดตั้งจะมีเพียง:
- ไม้บรรทัด: สำหรับวัดขนาดพื้นที่และกำหนดจุดตัดที่แม่นยำ
- มีดคัตเตอร์คม ๆ: ใช้สำหรับตัดปรับขนาดหรือรูปร่างของกระเบื้องให้พอดีกับพื้นที่
ข้อดีของ Rubber Tile จาก Strongfloor
- ไม่ต้องใช้กาวหรือสารเคมี ทำให้กระบวนการติดตั้งปลอดภัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
- สามารถเคลื่อนย้ายหรือเปลี่ยนตำแหน่งได้ง่าย
- ติดตั้งรวดเร็วและไม่ต้องใช้อุปกรณ์พิเศษ
เคล็ดลับ: จัดเตรียมอุปกรณ์ทั้งหมดให้ครบก่อนเริ่มงาน เพื่อป้องกันเหตุขัดข้องระหว่างปูกระเบื้อง
เมื่อเตรียมอุปกรณ์สำคัญครบถ้วนแล้ว ขั้นตอนต่อไปที่ต้องทำคือการเตรียมพื้นผิวให้พร้อมสำหรับการปูกระเบื้องยางครับ
ขั้นตอนที่ 2: เตรียมพื้นผิวก่อนปูกระเบื้อง
ก่อนจะเริ่มปูกระเบื้อง การเตรียมพื้นผิวอย่างถูกวิธีเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะจะส่งผลต่อความเรียบร้อยและความคงทนของพื้นกระเบื้องยางในระยะยาว ในขั้นตอนนี้มีสองสิ่งหลักๆ ที่ต้องทำ นั่นคือการทำความสะอาดและการตรวจสอบความเรียบของพื้น
ทำความสะอาดพื้นให้ปราศจากฝุ่น
ฝุ่น ผง หรือเศษสิ่งสกปรกต่างๆ ที่ตกค้างอยู่บนพื้น จะกลายเป็นตัวขัดขวางการยึดเกาะ ทำให้พื้นกระเบื้องไม่เรียบสม่ำเสมอและหลุดร่อนง่าย ดังนั้นจึงต้องกวาดและดูดฝุ่นบนพื้นผิวทั้งหมดให้สะอาดเรียบร้อยก่อน วิธีที่ดีที่สุดคือการใช้เครื่องดูดฝุ่นช่วย เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีเศษผงเหลือตกค้างซ่อนอยู่ตามซอกมุมแม้แต่น้อย
ตรวจสอบความเรียบของพื้น
การปูกระเบื้องยางบนพื้นที่ไม่เรียบเสมอกันจะทำให้พื้นหลังปูมีลักษณะเป็นคลื่น บวม หรือแอ่นตัวได้ ก่อนเริ่มปูต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าพื้นผิวเดิมมีความเรียบและได้ระดับ หากพบว่าพื้นมีความแตกต่างระดับเกิน 3 มิลลิเมตร ให้ทำการปรับแก้ด้วยการอุดโป๊ว ปาดปูน หรือขัดพื้นให้เรียบเสียก่อน การปูบนพื้นที่เรียบสนิทจะลดปัญหาฟองอากาศ และทำให้กระเบื้องยางติดแน่นทนทานกว่าครับ
ใช้ไม้บรรทัดยาวๆ วางทาบบนพื้น แล้วสังเกตดูช่องว่างใต้ไม้บรรทัด หากมีระยะห่างเกิน 3 มิลลิเมตร แสดงว่าต้องปรับปรุงพื้นผิวให้เรียบก่อน
เคล็ดลับ: หากพื้นมีความชื้น ให้รอจนพื้นแห้งสนิทก่อนเริ่มปูกระเบื้อง
เมื่อพื้นผิวสะอาดและเรียบสม่ำเสมอดีแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการวางแผนการปูกระเบื้องยางครับ
ขั้นตอนที่ 3: วางแผนการปูกระเบื้อง
ก่อนลงมือปูกระเบื้อง สิ่งสำคัญคือต้องมีการวางแผนและเตรียมการให้พร้อมเสียก่อน การทำงานแบบวางแผนจะช่วยลดความผิดพลาด ประหยัดเวลาและวัสดุ รวมทั้งทำให้งานปูกระเบื้องราบรื่นขึ้นอีกด้วย ในขั้นตอนนี้จะมีเรื่องสำคัญที่ต้องคำนึงถึง 2 ประการคือ การจับแนวและการคำนวณจำนวนกระเบื้องที่ต้องใช้
การจับแนวปูกระเบื้อง
การจับแนวที่ดีจะช่วยให้การปูกระเบื้องยางเป็นไปอย่างเป็นระเบียบและเกิดความสวยงาม ให้เริ่มจากการขีดเส้นแบ่งพื้นที่เป็นสี่เหลี่ยมจตุรัสก่อน โดยแบ่งความยาวและความกว้างของพื้นที่ออกเป็น 2 ส่วนเท่าๆกัน เส้นแนวที่ลากตัดกันตรงกลางจะเป็นจุดเริ่มต้นของการปูกระเบื้อง การเริ่มปูจากจุดศูนย์กลางจะทำให้แผ่นกระเบื้องกระจายอย่างสมดุล แนวร่องระหว่างแผ่นจะตรงสวยงาม และเมื่อปูไปถึงผนังจะเหลือพื้นที่ว่างพอดีสำหรับการตัดแผ่นริมขอบให้พอดีอีกด้วย
นอกจากนี้ ขอแนะนำให้ลองเทียบขนาดและรูปแบบการวางของกระเบื้องยางจริงๆ บนพื้นก่อนเริ่มปู เพื่อให้เห็นภาพรวมของลวดลายที่ได้ และช่วยคาดเดาจุดที่อาจต้องตัดหรือต่อแผ่นริมขอบได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น หากเห็นว่ารูปแบบการปูบางส่วนดูไม่เข้ากัน ก็สามารถปรับเปลี่ยนได้ก่อนลงมือปูจริงครับ
คำนวนปริมาณกระเบื้องยางที่จำเป็น
เพื่อให้มั่นใจว่าเรามีแผ่นกระเบื้องยางเพียงพอต่อการปูพื้นทั้งหมด จำเป็นต้องคำนวณปริมาณที่แน่นอนก่อนสั่งซื้อ โดยนำขนาดความกว้างและความยาวของพื้นที่มาคูณกัน เพื่อหาพื้นที่ทั้งหมดที่ต้องปูเป็นตารางเมตร จากนั้นนำมาหารด้วยขนาดของแผ่นกระเบื้องยาง (ซึ่งมีขนาด 50×50 ซม.) ก็จะทราบจำนวนแผ่นกระเบื้องยางที่ต้องใช้ได้
อย่างไรก็ตาม ในความเป็นจริง เราไม่สามารถปูกระเบื้องได้อย่างลงตัวพอดี หากแต่จะต้องมีการตัดแผ่นเพื่อให้เต็มพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณมุมและขอบห้อง ดังนั้นจึงควรสั่งซื้อกระเบื้องยางมากกว่าปริมาณที่คำนวณไว้ประมาณ 5-10% เผื่อไว้ในส่วนที่จะต้องสูญเสียจากการตัดแต่งนั่นเอง
เคล็ดลับ: ให้สั่งซื้อกระเบื้องยางจากล็อตเดียวกันทั้งหมด เพื่อป้องกันปัญหาสีและลวดลายของแผ่นกระเบื้องที่อาจแตกต่างกันเล็กน้อยในแต่ละรุ่นการผลิต
เมื่อวางแผนเรื่องการจับแนวและจำนวนกระเบื้องยางเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาลงมือปูกันอย่างเป็นขั้นตอนครับ
ขั้นตอนที่ 4: ขั้นตอนการติดตั้งกระเบื้องยาง
หลังจากเตรียมพื้นผิว จับแนว และคำนวณปริมาณวัสดุที่ต้องใช้เสร็จแล้ว ก็ได้เวลาเริ่มติดตั้งกระเบื้องยางกันอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ซึ่งในขั้นตอนนี้ประกอบไปด้วย การปูกระเบื้องยางตามแนวที่กำหนดไว้
ติดตั้งกระเบื้องยางตามแนว
มาเริ่มปูกระเบื้องยางกันได้เลย โดยเริ่มจากการนำแผ่นกระเบื้องมาวางเรียงกันตามจุดและเส้นแนวที่ได้กำหนดไว้ตั้งแต่ต้น แล้วค่อยๆ ขยับออกไปทางด้านข้าง โดยเว้นร่องให้มีระยะห่างระหว่างแผ่นเท่าๆ กันประมาณ 1-2 มม. ระหว่างปูให้คอยตรวจสอบความตรงของแนวอยู่เสมอ
เมื่อปูไปได้สักพักให้ใช้ลูกกลิ้งน้ำหนักกดทับไปบนกระเบื้อง เพื่อให้ผิวหน้าเรียบแนบสนิทกับพื้น ทำให้แน่ใจว่าไม่มีฟองอากาศหรือช่องว่างตกค้างระหว่างกระเบื้องและพื้นอีก สำหรับแผ่นกระเบื้องบริเวณขอบผนัง มุมห้อง หรือรอบเสา อาจต้องตัดแต่งขนาดให้พอดีด้วยคัตเตอร์ โดยวัดขนาดช่องว่างก่อนแล้วค่อยตัดแผ่นกระเบื้องตามสัดส่วนที่ต้องการ ซึ่งขั้นตอนนี้จะขอแยกอธิบายอย่างละเอียดในหัวข้อถัดไปครับ
เคล็ดลับ: หากต้องการให้การปูกระเบื้องเป็นไปอย่างรวดเร็ว อาจแบ่งพื้นที่ออกเป็นสองส่วน แล้วให้ช่างปูสองคนทำงานพร้อมกันคนละด้านได้ครับ
ต่อไปจะเป็นขั้นตอนสุดท้ายของการปูกระเบื้องยาง นั่นคือการตัดแต่งขอบและการทำความสะอาดพื้นผิวครับ
ขั้นตอนที่ 5: การเก็บขอบและการทำความสะอาด
เมื่อปูกระเบื้องยางเต็มพื้นที่และติดบัวเชิงผนังจนครบถ้วนแล้ว ก็เหลืออีกไม่กี่ขั้นตอนก็จะได้พื้นใหม่ที่สวยงามพร้อมใช้งานแล้วล่ะครับ ในขั้นสุดท้ายนี้ให้เก็บงานรายละเอียดตามขอบกระเบื้อง พร้อมทั้งทำความสะอาดพื้นผิวหลังการติดตั้งให้เป็นอันเสร็จสิ้น
วิธีการตัดและติดขอบกระเบื้อง
ในการปูกระเบื้องรอบห้อง มุมห้อง หรือบริเวณรอบสิ่งกีดขวาง จำเป็นต้องตัดแผ่นกระเบื้องยางให้เข้ารูปพอดีกับช่องว่างที่เหลืออยู่ ใช้วิธีวัดขนาดช่องว่างด้วยตลับเมตรก่อน จากนั้นนำมากะลงบนแผ่นกระเบื้อง แล้วใช้คัตเตอร์คมๆ ตัดตามแนวที่วัดไว้
การตัดและติดขอบอาจต้องอาศัยความชำนาญและความละเอียดอ่อนพอสมควร จึงควรทำด้วยความรอบคอบ ค่อยๆ วัดและตัดไปทีละแผ่น หากมีข้อผิดพลาดก็ยังสามารถแก้ไขได้ง่ายกว่าครับ
การทำความสะอาดพื้นผิวหลังปูกระเบื้อง
หลังปูกระเบื้องเสร็จสิ้น สิ่งสุดท้ายที่ควรทำคือการทำความสะอาดผิวกระเบื้องและขอบมุมต่างๆ ให้เรียบร้อย ใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆ เช็ดเศษผง รอยนิ้วมือ หรือคราบสกปรกที่เกิดขึ้นระหว่างการติดตั้งออกให้หมด
ใช้ม็อบหรือไม้ถูพื้นเช็ดทำความสะอาดอีกครั้ง โดยถูตามแนวร่องเพื่อขจัดคราบสกปรกที่หลงเหลืออยู่ออกให้หมด เมื่อพื้นสะอาดหมดจดจนคุณพอใจแล้ว ก็ปล่อยทิ้งไว้สักระยะเพื่อให้กระเบื้อง
จากนั้นก็สามารถเริ่มนำเฟอร์นิเจอร์มาจัดวางบนพื้นใหม่ได้ตามต้องการ และเริ่มใช้งานพื้นกระเบื้องยางของคุณได้อย่างภาคภูมิใจครับ
เคล็ดลับ: เพื่อความสะอาดของพื้น ช่วงแรกควรหลีกเลี่ยงการเคลื่อนย้ายเฟอร์นิเจอร์บ่อยๆ และหมั่นทำความสะอาดด้วยผ้าชุบน้ำบิดหมาดเช็ดเป็นประจำ เพื่อไม่ให้ผงฝุ่นสะสมจนทำความสะอาดยาก
ขั้นตอนที่ 6: เทคนิคการบำรุงรักษากระเบื้องยางหลังติดตั้ง
เมื่อปูกระเบื้องเสร็จแล้ว สิ่งสำคัญที่ควรทำเป็นประจำคือการดูแลรักษาให้กระเบื้องคงความสวยงาม ใช้งานได้ยาวนาน และไม่เสื่อมสภาพเร็วเกินไป ซึ่งมีวิธีการดูแลรักษาง่ายๆ ดังนี้ครับ
- กวาดหรือดูดฝุ่นพื้นกระเบื้องเป็นประจำทุกวัน เพื่อไม่ให้ฝุ่นผงสะสมหนาจนทำความสะอาดยาก
- หมั่นเช็ดทำความสะอาดคราบสกปรกด้วยผ้าชุบน้ำบิดหมาด หากมีคราบฝังแน่นให้ใช้น้ำยาทำความสะอาดสูตรอ่อนโยน
- หลีกเลี่ยงการใช้น้ำยาเคมีที่มีฤทธิ์กัดกร่อนรุนแรง เช่น น้ำยาฟอกขาว กรดเกลือ เพราะจะทำให้กระเบื้องเสียหายได้
- ระวังอย่าให้ของมีคมกระแทกหรือขูดขีดกระเบื้อง เพราะจะทำให้เป็นรอยหรือแตกร้าวได้
- หากใช้เก้าอี้หรือโต๊ะที่มีล้อเลื่อน ให้ติดแผ่นรองขาเพื่อป้องกันรอยขีดข่วนบนพื้นกระเบื้อง
- ในกรณีที่กระเบื้องมีอาการบวมนูนหรือแอ่นตัว ควรรีบแก้ไขโดยลอกกระเบื้องออกมาปูใหม่ทันที ไม่เช่นนั้นจะทำให้บวมมากจนซ่อมไม่ได้
- ไม่ควรขัดพื้นกระเบื้องด้วยเครื่องขัด เพราะความร้อนและการเสียดสีจะทำให้ผิวกระเบื้องเสียหาย แตกลอก และอายุการใช้งานสั้นลง
นอกจากนี้ ควรทำความสะอาดใหญ่อย่างทั่วถึงสัก 3-4 ครั้งต่อปี โดยใช้น้ำยาทำความสะอาดคุณภาพดีเพื่อขจัดคราบสกปรกที่สะสมหนา ซึ่งจะช่วยให้กระเบื้องสะอาดเอี่ยม เงางาม และใช้งานได้อีกยาวนานครับ
ขั้นตอนที่ 7: คำแนะนำในการเลือกซื้อกระเบื้องยาง
การเลือกซื้อกระเบื้องยางให้เหมาะสมกับการใช้งานนั้น มีข้อควรพิจารณาหลายอย่าง นอกเหนือจากความสวยงามของลวดลายและสีสันที่ถูกใจแล้ว ควรคำนึงถึงปัจจัยอื่นๆ ประกอบด้วย ดังนี้ครับ
- ดูความหนาของแผ่นกระเบื้อง โดยทั่วไปกระเบื้องที่หนากว่าจะทนทานและรองรับน้ำหนักได้มากกว่า เหมาะกับพื้นที่ที่มีการสัญจรเยอะ
- เช็คระดับความทนทานต่อรอยขีดข่วน แรงกระแทก และการสึกหรอ ซึ่งโดยปกติจะถูกระบุเอาไว้ที่ผลิตภัณฑ์
- มองหากระเบื้องที่ผ่านมาตรฐานอุตสาหกรรมในเรื่องของการทนไฟ การลามไฟ และการลดการลื่นล้ม ซึ่งมีความสำคัญต่อความปลอดภัยในการใช้งาน
- พิจารณาเรื่องความง่ายในการทำความสะอาดและการบำรุงรักษา ซึ่งส่งผลต่อความสะดวกในการดูแลรักษาในระยะยาว
- หากเป็นพื้นที่เปียกชื้นหรือโดนน้ำบ่อยๆ เช่น ในครัวหรือห้องน้ำ ควรเลือกกระเบื้องยางชนิดกันน้ำและกันลื่น
- คำนึงถึงเรื่องความเข้ากันของสีและลวดลายกระเบื้อง กับสไตล์การตกแต่งห้องโดยรวม เพื่อความสวยงามที่ลงตัว
- ตรวจสอบว่ากระเบื้องมีส่วนผสมของสารระเหยอินทรีย์ (VOCs) ในระดับใด ซึ่งอาจส่งผลต่อสุขภาพได้ ควรเลือกกระเบื้องที่มีการรับรองมาตรฐานด้านนี้
- พูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญหรือพนักงานขายโดยตรง เพื่อขอคำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับคุณภาพ และความเหมาะสมกับลักษณะการใช้งานของคุณ
นอกจากนี้ การเปรียบเทียบราคากับคุณภาพระหว่างแบรนด์ต่างๆ ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ควรทำ เพื่อให้ได้กระเบื้องยางคุณภาพดี คุ้มค่าเงินที่จ่ายไปมากที่สุดนะครับ
ขั้นตอนที่ 8: ข้อดีและข้อจำกัดของพื้นกระเบื้องยาง
ก่อนจะตัดสินใจเลือกใช้กระเบื้องยางปูพื้น ควรศึกษาให้ดีถึงจุดเด่นและข้อจำกัดของมัน เพื่อให้แน่ใจว่ามันคือทางเลือกที่เหมาะสมกับความต้องการของคุณจริงๆ โดยกระเบื้องยางมีข้อดีหลักๆ ดังนี้
- มีความยืดหยุ่นสูง สามารถรองรับแรงกระแทกได้ดี เวลาเดินเหยียบจะให้ความรู้สึกนุ่มสบายเท้ากว่าพื้นแข็ง
- น้ำหนักเบา ขนย้ายและติดตั้งได้ง่ายกว่ากระเบื้องประเภทอื่นๆ
- ให้สีสันและลวดลายที่หลากหลาย สามารถเลือกให้เข้ากับการตกแต่งได้ง่าย
- ทำความสะอาดและบำรุงรักษาได้ไม่ยาก เนื่องจากพื้นผิวค่อนข้างเรียบเนียน
- ราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับพื้นไม้จริงหรือหินอ่อน และคุ้มค่ากว่าเมื่อดูจากอายุการใช้งาน
ข้อจำกัด:
- แม้จะทนทาน แต่ก็ไม่เหมาะกับพื้นที่ที่มีการจราจรหนักมากๆ หรือบริเวณที่ต้องแบกรับน้ำหนักสูงๆ อย่างต่อเนื่อง
- สีสันอาจจางลงตามกาลเวลา โดยเฉพาะเมื่อโดนแสงแดดส่องถึงเป็นเวลานาน
- พื้นผิวสามารถขีดข่วนได้ง่ายกว่าพื้นไม้หรือกระเบื้อง หากโดนของมีคมหรือเฟอร์นิเจอร์หนักๆ เสียดสี
- การซ่อมแซมทำได้ยากกว่ากระเบื้องแข็ง เพราะต้องลอกแผ่นที่เสียหายและปูใหม่ทั้งแผ่น
ดังนั้น ก่อนเลือกใช้กระเบื้องยาง ควรชั่งน้ำหนักให้ดีระหว่างข้อดีและข้อจำกัดว่าเหมาะสมกับการใช้งานและงบประมาณของคุณหรือไม่ อาจลองปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหรือผู้มีประสบการณ์ใช้งานจริง เพื่อให้ได้ข้อมูลประกอบการตัดสินใจที่ดีที่สุดนะครับ
ขั้นตอนที่ 9: การประยุกต์ใช้กระเบื้องยางในการตกแต่ง
นอกจากประโยชน์ใช้สอยแล้ว กระเบื้องยางยังมีบทบาทสำคัญในการตกแต่งบ้านและสร้างสรรค์บรรยากาศภายในห้องอีกด้วยครับ ต่อไปนี้เป็นไอเดียการใช้กระเบื้องยางให้เกิดประโยชน์ทั้งด้านฟังก์ชันและความสวยงาม
- เลือกลายกระเบื้องยางให้เหมาะกับสไตล์ของห้อง เช่น ลายไม้ในห้องสไตล์ธรรมชาติ ลายหินในห้องสไตล์โมเดิร์น ลายหรูหราในห้องสไตล์คลาสสิค เป็นต้น
- ใช้สีกระเบื้องเป็นตัวช่วยเพิ่มความโดดเด่น เช่น ใช้สีสันสดใสในห้องที่ต้องการความสนุกสนาน หรือใช้สีเอิร์ธโทนสร้างความรู้สึกผ่อนคลายในห้องนอน
- มิกซ์แอนด์แมทช์ลวดลายและสีสันของกระเบื้องยางเข้าด้วยกัน เพื่อสร้างลุคที่แปลกใหม่และไม่น่าเบื่อ
- เล่นลายกระเบื้องในแนวตั้ง แนวนอน หรือลายทแยงมุม เพื่อสร้างการไหลเวียนและทิศทางให้กับสายตา
- วางกระเบื้องยางเป็นพื้นที่เฉพาะ เช่น บริเวณหัวเตียงในห้องนอน หรือเป็นเส้นทางเดินในห้องนั่งเล่น เพื่อแบ่งโซนและสร้างจุดสนใจได้ดี
- ใช้กระเบื้องยางปูผนังแทนการทาสี เพื่อเพิ่มมิติ ความโดดเด่น และการป้องกันผนังจากความชื้นได้ในตัว
- เลือกกระเบื้องยางสีอ่อนเพื่อให้ห้องดูกว้างขึ้น เหมาะสำหรับห้องขนาดเล็กหรือห้องที่มีแสงน้อย
- ใช้กระเบื้องยางชนิดสะท้อนแสงเพื่อช่วยเพิ่มความสว่างให้กับห้อง พร้อมทั้งสร้างบรรยากาศที่ดูหรูหรา
ทั้งนี้ การเลือกใช้กระเบื้องยางให้เข้ากับสไตล์และบรรยากาศในห้องนั้นขึ้นอยู่กับรสนิยมและความชอบส่วนตัวเป็นหลัก ลองนำไอเดียข้างต้นไปปรับใช้ให้เข้ากับความต้องการของคุณดูนะครับ เชื่อว่าจะได้ห้องที่สวยงามและมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองแน่นอน
สรุป
กระเบื้องยาง (Rubber Tile) เป็นวัสดุปูพื้นที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่น เช่น ความยืดหยุ่น ทนทาน รองรับแรงกระแทกได้ดี และดูแลรักษาง่าย อีกทั้งยังมีให้เลือกหลากหลายลวดลาย เหมาะสำหรับการตกแต่งทั้งภายในและภายนอกอาคาร โดยเฉพาะกระเบื้องยางจาก Strongfloor ที่มีขนาดและความหนาพิเศษ เหมาะกับพื้นที่ที่ต้องการความแข็งแรง เช่น ห้องออกกำลังกายหรือพื้นที่ที่มีการใช้งานหนัก
สำหรับการติดตั้ง กระเบื้องยาง Strongfloor มีน้ำหนักมาก จึงไม่จำเป็นต้องใช้กาว เพียงเตรียมพื้นผิวให้สะอาดและเรียบ จากนั้นใช้ไม้บรรทัดและมีดคัตเตอร์ในการตัดปรับขนาดแล้วปูตามแนวที่กำหนด ข้อดีของการใช้กระเบื้องยางคือการติดตั้งง่าย รวดเร็ว ปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อม และสามารถปรับเปลี่ยนหรือย้ายตำแหน่งได้ง่าย ทำให้เป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ทั้งในแง่ของความสวยงามและความคุ้มค่าในระยะยาว.